‘ธนกร’ เผย ‘ประยุทธ์’ สั่งเพิ่ม เที่ยวรถโดยสาร รองรับ ปชช. ให้เพียงพอ

‘ธนกร’ เผย ‘ประยุทธ์’ สั่งเพิ่ม เที่ยวรถโดยสาร รองรับ ปชช. ให้เพียงพอ

ธนกร เผย นายกฯเป็นห่วงประชาชน สั่งเพิ่ม เที่ยวรถโดยสาร รองรับประชาชนกลับบ้านในช่วงปีใหม่ พร้อมสั่งคุมเข้มมาตรการโควิด นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับหลังจากหมดวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ย้ำผู้ขับขี่รถยนต์ ยานพาหนะต่างๆ เคารพและปฏิบัติตามกฎจราจร รวมทั้งงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างขับขี่ยานพาหนะ หรือกรณีเมาไม่ควรขับรถ ขอให้มีน้ำใจเอื้อเฟื้อแบ่งปันซึ่งกันและกัน พร้อมสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ ในส่วนของการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ 

ต้องไม่ประมาทสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ วัดอุณหภูมิก่อนขึ้นรถโดยสารทุกครั้ง โดยกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำหรับการขนส่งสาธารณะทุกประเภท จัดให้มีการเว้นระยะห่าง และการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ปรับปรุงมาตรการปฏิบัติเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

โดยให้ผู้ประกอบการขนส่งมีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา 100% จัดเตรียมแอลกอฮอล์เจลสำหรับทำความสะอาดมือ เพิ่มความถี่ในการทำสะอาดพื้นที่สาธารณะตลอดทั้งวัน ให้พนักงานขับรถ ผู้บริการ และผู้โดยสาร ลงทะเบียนเข้าใช้แพลตฟอร์ม “SAVE THAI” และเช็กอิน-เช็กเอาต์ “ไทยชนะ” ทุกครั้งในการเดินทาง ดำเนินการตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะทุกประเภททั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดตรวจคัดกรองในพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

นายธนกรกล่าวว่า ในส่วนของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ยังได้เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางกลับจากภูมิลำเนา จัดรถโดยสารให้บริการวันละกว่า 3,700 เที่ยว เพื่อรองรับการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ของประชาชน โดยคาดว่าจะมีประชาชนทยอยเดินทางกลับประมาณวันละกว่า 50,000 คน นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือไปยัง ขสมก. จัดรถรับผู้โดยสาร บริเวณชานชาลาขาเข้า เพื่อระบายผู้โดยสารไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS และเส้นทางอื่นๆ ประสาน จส.100 และ สวพ.91 ประชาสัมพันธ์แจ้งรถแท็กซี่เข้ามารับผู้โดยสาร บริเวณชานชาลาขาเข้าสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) ตลอดจนกำชับให้ตรวจสภาพความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถก่อนออกเดินทาง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

‘ประยุทธ์’ ตั้งเป้า ปี 65 เป็นปี ‘แก้หนี้ภาคครัวเรือน’ พร้อมยินดีแก้ปัญหาในปี 64 ได้

ประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กแสดงความยินดีที่รัฐบาลสามารถแก้ปัญหาต่างๆในปี 64 ได้ พร้อมตั้งเป้าปี้ 65 แก้หนี้ภาคครัวเรือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก กล่าวถึงปี 2564 ที่ผ่านมา โดยได้แสดงความยินดีที่รัฐบาลของตนสามารถคลี่คลายปัญหาต่างๆได้ และได้ตั้งเป้าว่าในปี 65 จะเป็นปี แก้หนี้ภาคครัวเรือน

โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “ในปี 2564 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาโควิด รวมทั้งปัญหาอื่นๆ โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการจำเป็นต้องปิดประเทศ นอกจากนั้นยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ผมได้สั่งการและติดตามการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานาน โดยเฉพาะการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดในยามวิกฤต ผมจึงรู้สึกยินดีที่มาตรการต่างๆ ที่ผมได้สั่งการไปนั้น มีส่วนคลี่คลายหลายปัญหาให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เช่นในเรื่องดังต่อไปนี้

1. การจัดการปัญหาโควิด รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนได้ตามเป้าหมาย และฉีดวัคซีนฟรีให้ประชาชนได้มากกว่า 100 ล้านโดส เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีส่วนสำคัญทำให้ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาด ลดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลงได้ จนสามารถเปิดประเทศ เปิดกิจการและกิจกรรมต่างๆ ให้พี่น้องประชาชนได้กลับไปทำงาน เปิดร้านค้าและธุรกิจต่างๆ ได้บนมาตรการความปลอดภัย

2. ผลจากการเปิดประเทศ ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นกว่าเดิม ในปีหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวสูงขึ้นทุกภูมิภาค ทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ และการลงทุน เศรษฐกิจไทยจะพร้อมกลับมาทะยานอีกครั้งในปี 2565 ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยรัฐบาลได้เตรียมแผนส่งเสริมการค้าการลงทุนไว้แล้ว ทั้งในระดับนานาชาติ ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับจังหวัด หรือกลุ่มจังหวัด

3. โครงการคนละครึ่ง ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษากำลังซื้อในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์จริง ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรายย่อย เฉพาะเฟส 3 มียอดการใช้จ่ายสะสมกว่า 2 แสนล้านบาท และพร้อมขยายผลเฟส 4 ในช่วงเดือน มี.ค.- เม.ย.65

4. ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด รัฐบาลได้ออกโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ที่สามารถช่วยพี่น้อง SMEs กระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ถึง 2.4 แสนล้านบาท นอกจากจะรักษาระดับการจ้างงานแล้ว ยังสร้างการจ้างงานใหม่ได้มากกว่า 2.65 ล้านตำแหน่ง

5. สำหรับพี่น้องเกษตรกรผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ผมพูดเสมอว่าเป็นกลุ่มที่ผมมีความห่วงใยอย่างยิ่ง และคิดหาวิธีตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไรจะช่วยพี่น้องเกษตรกรได้มากที่สุด โดยเฉพาะในยามลำบากเช่นนี้ ผมจึงดีใจที่ได้รับรายงานว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สามารถช่วยเหลือชาวนาไทยได้ 4.7 ล้านครัวเรือน เป็นเงินมากกว่า 8 หมื่นล้านบาท

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป